เรียน couse: โครงสร้างรูปแบบธุรกิจ (Structuring Business Model)

ัวอย่างรูปแบบธุรกิจ 1. one time up-front: ธุรกิจรูปแบบที่มีการจ่ายล่วงหน้า เช่น Dealer รถ โดยพวกนี้มักจะได้กำไรน้อยจากการขายตัวสินค้าหรือรถ แต่กำไรจริงๆ คือการ Service โดยการ maintenance จะเป็นกำไรของธุรกิจแบบนี้ในระยะเวลาการันตีจะรักษาฐานลูกค้าให้มาซ่อม เช็คระยะ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กับศูนย์และหากเมื่อไหร่ที่ออกไปซ่อมข้างนอก ประกันก็จะขาดทันที 2. membership: เป็นการจ่าย 1 ครั้ง แต่สามารถเข้ามาใช้บริการได้ไม่จำกัด โดยรายได้ของรูปแบบธุรกิจนี้จะชัดเจนจากการขาย membership ตอนต้นปี 3. transaction fee: รูปแบบเป็นการสร้างplatformขึ้นมาเพื่อเชื่อมระหว่าง demand กับ supply และเป็นคนกลาง ได้กำไรจากค่า transaction fee เช่น Grab, Lineman 4. hourly rate: รูปแบบธุรกิจแบบ pay as you go คือจ่ายเท่าที่ใช้เช่น Buffet หรือการนวด 5. subscribe: รูปแบบคล้ายกับการเป็น membership คือจ่าย one-time ใช้บริการได้ไม่จำกัดในระยะเวลาใดระยะเวลานึง 6. leasing model: การปล่อยให้เช่า ในกรณีผู้ใช้บริการไม่อยากเป็นเจ้าของทรัพย์สินเยอะ เพราะ สินค้าอาจจะตกยุคเร็ว โดยการซื้อคือการลงทุนนาน และต้องเสียค่าบำรุงรักษา ค่าไปทำลาย เหมือนตกรุ่นหรือหมดอายุรูปแบบเหมาะกับสินค้าเทคโนโลยีเช่น computer, copy machine 7. premium: คือเป็นธุรกิจที่เปิดให้ใช้ฟรีแต่เก็บค่าบริการในส่วนที่มี Feature พิเศษ เช่น google ที่มีรายได้จากการโฆษณา และมีผู้ใช้บริการเป็นวัตถุดิบ 8. low touch: ลูกค้าและผู้ประกอบการธุรกิจไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กัน ลูกค้าจะเป็นคนเลือกสินค้าเอง นำไปประกอบเอง เช่น Ikea model 9. high touch: รูปแบบธุรกิจตรงข้ามกับ Low touch โดยValue ของสินค้า/บริการประเภทนี้ มักจะเป็นการได้มาปฏิสัมพันธ์กัน เกิดSocial บางอย่าง เช่น ร้านตัดผม ที่เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีในละแวกบ้าน 10. licensing: รูปแบบการขายเป็นลิขสิทธิ์เช่น ภาพยนตร์ดนตรีที่ให้สิทธิ์ในการฉาย หรือเกมส์ที่ให้เล่นฟรีแต่ต้องเสียเงินเพื่อให้ได้ Item บางอย่าง 11. user community: Tinder, Twitter 12. cloud sourcing: youtube ตัวกลางพื้นที่ให้คนมาสร้าง Content มีการขายโฆษณา และ ขยายไปสู่การ Subscribe 13. bundling: แพคเกจโทรศัพท์หรือ Menu อาหาร 14. razorblade: การขายของ 2 อย่างที่จำเป็นต้องใช้ด้วยกัน โดยของที่ต้องใช้เติมมีราคาแพง เช่น ที่โกน-ใบมีดโกน > ที่โกนราคาถูก-ใบมีดโกนราคาแพง, เครื่องปริ้นท์-หมึกพิมพ์ > เครื่องปริ้นท์ ถูก-หมึกพิมพ์แพง 15. reverse razorblade: กลับกันกับรูปแบบ razorblade โดยของที่เป็นตัวหลักราคาแพง เช่น Tablet- หนังสือ E-book > Tabletแพง – หนังสือ E-bookถูก 16. reverse option: เปิดให้คนทำงานกับคนจ้างงานมาเจอกัน ใช้วิธีการ Bidding งาน ผ่านแพลตฟอร์มกลาง โดยแพลตฟอร์มกลางเก็บค่าต่ง 17. advertising: การโฆษณา 18. franchise: ขายแฟรนไชส์รูปแบบการขายของ 19. direct sale 20. peer to peer หลาย Business Model Canvas เน้นการเจอกันของ Supply กับ Demand เพียงแต่ต้องหาให้เจอ ว่าสิ่งนั้นคืออะไร Revenue Model ตอบโจทย์ Value ไม่ใช่ที่ตัวสินค้า/บริการ ตัวสินค้า/บริการเป็นเพียงแค่เปลือกในการส่งมอบคุณค่า ต้องรู้ว่าบริบทมีคู่แข่งเป็นใคร แผนภาพของคู่แข่งเป็นอย่างไร winning point คืออะไร จุดที่ได้เปรียบตรงกับ Value ที่เสนอมั้ย มีคนทำแล้วรึยัง และจะกระจายสินค้าได้ อย่างไรต้องเข้าใจ 4 หลักของ Key factors คือ 1. Customer 2. สร้าง/เก็บเกี่ยว Value อย่างไร 3. ต้องดูคู่แข่ง 4. ดูว่าจะส่งมอบคุณค่าได้อย่างไร ลักษณะไหน เพื่อเข้าใจรูปแบบธุรกิจว่าจะออกแบบในลักษณะไหน Business Model Canvas ที่ดีจะสามารถตอบโจทย์ได้ว่าลูกค้าคือใคร ลูกค้าต้องการคุณค่าอะไร จะสร้างรายได้จากธุรกิจอย่างไร รูปแบบในการสร้างรายได้จะส่งมอบคุณค่าได้อย่างไร จะรักษาการได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างไร