พิธีพระราชทานปริญญาบัตร มทร.ล้านนา ครั้งที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2563-2564
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นาย พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปมอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ประจำปีการศึกษา 2564 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
เเชร์กิจกรรมนี้ :องคมนตรีถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่ภิกษุสงฆ์ จำนวน 1 รูป และผู้ทรงคุณวุฒิเข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จำนวน 4 คน ดังนี้ 1.ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ศิลปศาสตร์) นายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ 2.ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (เกษตรศาสตร์) นายสุทิน วงษ์ใหญ่ 3.ปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วิศวกรรมไฟฟ้า) นายกฤษณพงศ์ กีรติกร 4.วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วิศวกรรมโยธา) พระไพศาลประชาทร วิ.(พบโชค ติสฺสวํโส) 5.ศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สิ่งทอและเครื่องประดับ) นางสาวธีร์วรา ริพล และในปีนี้มีผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท จากคณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์และ วิทยาลัยเทคโนโลยีและสหวิทยาการ เข้ารับปริญญาบัตร รวมทั้งสิ้น 1,190 คน โอกาสนี้ องคมนตรีให้โอวาทแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ใจความว่า “ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ นับได้ว่ามีความรู้ในวิชาการ และทักษะในการปฏิบัติ ทั้งได้รับการฝึกฝนอบรมให้มีความอดทนและสู้งาน สามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ให้ก้าวไปสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ. แต่ถึงแม้ว่าบัณฑิตทุกคนจะสำเร็จการศึกษาแล้ว ก็ยังคงต้องเรียนรู้ต่อไปจนตลอดชีวิต รวมทั้งต้องปรับตัวและปรับวิธีการทำงาน ให้สอดคล้องเหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และนำความรู้ความสามารถที่มีอยู่ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะอำนวยประโยชน์แก่การปฏิบัติงานของตน แก่สังคมส่วนรวม และแก่ประเทศชาติ. พร้อมกันนั้น ก็พึงระลึกไว้เสมอว่า แม้จะต้องพัฒนาตนพัฒนางานให้ก้าวทันเทคโนโลยีอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ควรละทิ้งความอ่อนน้อมถ่อมตน ความกตัญญูระลึกรู้คุณความดีของผู้อื่น และความภาคภูมิใจในความเป็นเป็นไทย ถ้าปฏิบัติให้ได้ดังนี้ แต่ละคนก็จะสามารถสร้างสรรค์ความเจริญมั่นคง ให้แก่ตนเองและประเทศชาติได้อย่างแท้จริง.”